อะไรคือ การปรับปรุงคอนทราสต์เฉพาะจุด(Local Contrast Enhancement) ของ BenQ HDR-PRO?

เนื่องจากเทคโนโลยี HDR ได้กลายเป็นสิ่งที่แพร่หลายอย่างมาก ทุกวันนี้จึงมีทีวี จอมอนิเตอร์ และโปรเจ็กเตอร์จำนวนมากที่ติดป้าย HDR เอาไว้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำนิยามของ HDR อาจแตกต่างกันไปในแต่ละอุปกรณ์แสดงผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้เทคโนโลยีเพิ่มคอนทราสต์ในหน้าจอทั่วไปนั้นแตกต่างจากการนำมาใช้กับโปรเจ็กเตอร์อย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ การปรับจูนคอนทราสต์จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่า และต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบกับทีวีแล้ว วิธีที่โปรเจ็กเตอร์ฉายภาพวิดีโอให้ผู้ชมดูนั้น จริงๆ แล้วใกล้เคียงกับโปรเจ็กเตอร์ในโรงภาพยนตร์มากกว่า

จากการวิเคราะห์ข้อมูลฮิสโตแกรมของภาพ วิธีการปรับปรุงคอนทราสต์แบบทั่วไปจะคำนวณเส้นระดับที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มคอนทราสต์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการปรับปรุงคอนทราสต์ทั่วทั้งภาพ อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงคอนทราสต์และการแสดงรายละเอียดมักจะเป็นสิ่งที่ต้องแลกกันเสมอ เทคโนโลยีการปรับแต่งคอนทราสต์ HDR-PRO ของ BenQ เป็นเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมในการนำเสนอระบบปรับปรุงความคมชัดเฉพาะจุด ซึ่งแต่ละภาพจะถูกแบ่งออกเป็นกว่า 1,000 ส่วน เพื่อใช้ในการประมวลผลด้วยอัลกอริธึมการปรับปรุงความคมชัดเฉพาะบริเวณ

เมื่อข้อมูลภาพมีค่าความสว่างกระจุกตัวอยู่ในระดับปานกลาง ระบบเพิ่มคอนทราสต์มักใช้เส้นโค้งรูปตัว S (S-curve) เพื่อเพิ่มความชัดเจนของรายละเอียดทั้งในส่วนที่สว่างและมืดของภาพ ซึ่งช่วยให้ภาพดูมีมิติและคมชัดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากภาพมีทั้งบริเวณที่สว่างมากและมืดมาก (เช่น ฉากที่มีแสงจ้าและเงาลึก) การเพิ่มคอนทราสต์อย่างไม่ระมัดระวังอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น รายละเอียดในส่วนที่สว่างหรือมืดถูกบดบังหรือสูญหายไป

การวิเคราะห์ฮิสโตแกรมและการปรับเส้นโค้ง

จากพื้นฐานของเทคโนโลยีอัลกอริธึมคอนทราสต์ที่กล่าวมาข้างต้น ระบบเพิ่มคอนทราสต์เฉพาะจุด (Local Contrast Enhancer) จะทำการแบ่งภาพออกเป็นมากกว่า 1,000 ส่วน โดยแต่ละส่วนจะมีข้อมูลเป็นของตัวเอง และได้รับการปรับคอนทราสต์อย่างเป็นอิสระ เพื่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพของภาพผ่านอัลกอริธึมเพิ่มคอนทราสต์อย่างแม่นยำและเหมาะสมในแต่ละบริเวณของภาพ

รายละเอียดของส่วนมืดที่คมชัดยิ่งขึ้น

รายละเอียดของส่วนสว่างที่ดีกว่า

ในสภาพแวดล้อมที่มีคอนทราสต์สูงอยู่แล้ว ตัวปรับคอนทราสต์ทั่วไปมักทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ตัวปรับคอนทราสต์เฉพาะจุดยังคงปรับคอนทราสต์ในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในกรณีที่ภาพมีพื้นที่ไฮไลต์หรือเงาขนาดใหญ่ การใช้ตัวปรับคอนทราสต์แบบทั้งจอ (Global Contrast Enhancer) มักทำให้บริเวณเงายิ่งมืดลง โดยที่รายละเอียดในส่วนมืดไม่ชัดเจนมากนัก ส่วนตัวปรับคอนทราสต์เฉพาะจุด (Local Contrast Enhancer) สามารถแยกแยะส่วนที่เป็นไฮไลต์และเงาออกจากกันได้เมื่อทำการปรับคอนทราสต์ในแต่ละพื้นที่ ทำให้รายละเอียดในแต่ละส่วนของภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

ภาพต้นฉบับ

เทคโนโลยีปรับคอนทราสต์เฉพาะจุดของ BenQ

เทคโนโลยีปรับคอนทราสต์แบบทั้งภาพ

การเปรียบเทียบประสิทธิภาพในบริเวณที่มีความสว่างมาก

ในฉากที่มีพื้นที่ไฮไลต์จำนวนมาก ตัวปรับคอนทราสต์เฉพาะจุด (Local Contrast Enhancer) สามารถแสดงรายละเอียดได้มากกว่าตัวปรับคอนทราสต์ทั่วไป (General Contrast Enhancer)

ภาพต้นฉบับ

เทคโนโลยีปรับคอนทราสต์เฉพาะจุดของ BenQ

เทคโนโลยีปรับคอนทราสต์แบบทั้งภาพ

การเปรียบเทียบประสิทธิภาพในพื้นที่แสงจ้า

ภาพนี้มีทั้งส่วนสว่างและพื้นที่เงาขนาดใหญ่ ส่วนสว่างเป็นข้อจำกัดของตัวปรับคอนทราสต์ทั่วไป ทำให้รายละเอียดของเงาและการปรับปรุงคอนทราสต์ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อจำกัดดังกล่าวในตัวปรับคอนทราสต์เฉพาะส่วน ทำให้สามารถปรับคอนทราสต์และรายละเอียดของเงาได้มากกว่า

ภาพต้นฉบับ

เทคโนโลยีปรับคอนทราสต์เฉพาะจุดของ BenQ

เทคโนโลยีปรับคอนทราสต์แบบทั้งภาพ

ตามทฤษฎีทางเทคโนโลยีที่กล่าวถึงข้างต้น เอฟเฟกต์คอนทราสต์ที่เกิดจากตัวเพิ่มคอนทราสต์แบบเฉพาะจุด (Local Contrast Enhancer) ให้มิติภาพแบบสามมิติที่เด่นชัดมากกว่าตัวเพิ่มคอนทราสต์ทั่วไป อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพอีกด้วย ในฐานะที่ BenQ เป็นบริษัทที่มุ่งมั่นพัฒนาและส่งมอบจอแสดงผลคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง จึงได้นำความเชี่ยวชาญด้านการจัดการคอนทราสต์ของภาพมาใช้ในการยกระดับเทคโนโลยี HDR-PRO ผ่านการปรับจูนโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจาก ISF และ THX ทำให้ได้ระดับสีดำที่ลึกยิ่งขึ้น พร้อมรายละเอียดคอนทราสต์ที่แม่นยำและเหมาะสมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมิติภาพแบบสามมิติอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัวของ BenQ ซึ่งจะมอบประสบการณ์ภาพ 4K HDR ที่สมจริงและลุ่มลึกยิ่งขึ้นให้แก่ผู้หลงใหลในระบบภาพและเสียง

BenQ มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สีสันของภาพให้สมจริงที่สุด พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านคอนทราสต์แบบไดนามิกอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับชมวิดีโอได้อย่างสะดวกสบายที่บ้าน โดยได้ภาพที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผู้กำกับภาพยนตร์ต้องการถ่ายทอด หรือใกล้เคียงกับประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากที่สุด